• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 


งานสกรีนเสื้อมีแบบไหนบ้าง ? คำตอบจาก HOSHI Kaizen

Started by Shopd2, Aug 10, 2025, 08:48 PM

Previous topic - Next topic

Shopd2


พอเอ่ยถึง การผลิตเสื้อสกรีน ผู้คนมักนึกถึงแค่ การปริ้นลายแล้วรีดลงบนเสื้อ แต่ความจริงคือ มุมมองการสกรีนเสื้อ มีความหลากหลายกว่าที่คิด โดยมีเทคนิคให้เลือกใช้หลายรูปแบบ ขึ้นกับว่า งานที่เราต้องการเป็นแบบไหน ขึ้นกับชนิดผ้าที่ใช้ อยากให้ทนทานแค่ไหน หรือแม้แต่ สัมผัสตอนแตะ ลวดลายบนเสื้อ ก็ส่งผลต่อการตัดสินใจ ผู้เริ่มต้นหลายคนอาจสงสัยว่า "สกรีนเสื้อมีกี่แบบ" กันแน่ มีบางคนเคยฟังคำว่า "สกรีนจม" และ "สกรีนลอย" แต่ไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง ครั้งนี้ ผมจะอธิบายอย่างละเอียด ตั้งแต่พื้นฐานอย่างครบถ้วน จนคุณจะสามารถเลือกวิธีที่ลงตัวกับงานของคุณได้.



เริ่มจาก คำถามที่หลายคนสงสัย ก่อนเลยว่า "สกรีนเสื้อมีกี่แบบ" จริง ๆ แล้ว ถ้าพูดถึงทุกเทคนิคในยุคนี้ มีจำนวนเยอะมาก แต่ถ้าโฟกัสที่ประเภทหลักที่นิยมกัน จะประกอบด้วย การพิมพ์ซิลค์สกรีน, การพิมพ์ฮีตทรานเฟอร์, ซับลิเมชัน (Sublimation), เทคนิค DTG, การพิมพ์ DTF, เทคนิคเฟล็กซ์ นอกจากนี้ยังมี เทคนิคย่อยอื่น ๆ เช่น ปั๊มนูน, พัฟสกรีน, ฟอยล์ และอื่น ๆ ซึ่งแต่ละแบบก็มี ลักษณะงาน, ความทนทาน, ต้นทุน และข้อดีข้อเสีย ที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น การพิมพ์ซิลค์สกรีนเหมาะสำหรับงานล็อตใหญ่ เพราะราคาต่อชิ้นถูกและสีคงทน แต่จำเป็นต้องทำบล็อกก่อน สำหรับ DTG นั้นจะพิมพ์ลงบนผ้าโดยตรง เหมาะกับงานที่ต้องการความละเอียดสูงและจำนวนไม่มาก เพราะไม่ต้องทำบล็อก พิมพ์จากไฟล์ได้ทันที DTF ก็กำลังมาแรง เนื่องจากสามารถพิมพ์ลงฟิล์มแล้วรีดบนผ้าได้หลากหลาย สีสดและทนดีมาก



ทีนี้มาถึงเรื่องที่หลายคนสับสน "สกรีนจม คือ อะไร" คำว่าสกรีนจมหมายถึง เทคนิคการพิมพ์ที่ทำให้หมึกซึมเข้าเส้นใยผ้า ส่งผลให้เวลาสัมผัสผ้ารู้สึกเรียบ ราวกับไม่มีลายอยู่ด้านบน ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ การพิมพ์แบบซับลิเมชันบนผ้าโพลีเอสเตอร์ หรือซิลค์สกรีนที่ใช้หมึกบางประเภท หมึกซึมลึกเข้าไปในผ้า หลังซักก็ยังคงอยู่ เนื่องจากไม่หลุดลอกง่าย ความรู้สึกเวลาสวมใส่จะสบาย เพราะไม่มีหมึกนูนให้รู้สึก ข้อดีคือทนต่อการซักมาก สีติดทนนาน และเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนถาวร




ตรงกันข้ามกับแบบสกรีนจม "สกรีนลอย คือ" การสกรีนที่ทำให้หมึกหรือลายสกรีนอยู่บนผิวผ้า จนมองเห็นได้ว่าเกิดความนูน เวลาลูบจะรู้สึกถึงความต่างระดับ ตัวอย่างเช่นการใช้หมึกพัฟ (Puff Ink) ซึ่งเมื่ออบแล้วหมึกจะฟูขึ้นมานุ่มนวล หรือการใช้เฟล็กซ์ โดยตัดฟิล์มเป็นลวดลายแล้วรีดให้ติดบนผ้า จุดแข็งของสกรีนลอยคือ ลวดลายจะเด่นชัด สีสด และสามารถสร้างเอฟเฟกต์พิเศษได้ อย่างเช่นเงา, นูน หรือพื้นผิวมีลวดลายสัมผัส ส่วนข้อเสียคือ ถ้าซักด้วยแรงมากหรือดูแลไม่ดี จะทำให้หมึกแตกหรือฟิล์มหลุดง่ายกว่าแบบสกรีนจม



การตัดสินใจว่าจะเลือกสกรีนจมหรือสกรีนลอย ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของงาน ถ้าต้องการเสื้อที่ใส่แล้วสบาย ลายไม่ทำให้ผิวรู้สึกสะดุด พร้อมความทนต่อการซักนาน ๆ สกรีนจมก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าอยากได้งานที่ดูโดดเด่น มีเอฟเฟกต์พิเศษ และเน้นลวดลายให้ชัดเจน สกรีนลอยถือว่าน่าสนใจ แถมเดี๋ยวนี้ยังมีการผสมผสานทั้งสองแบบ ในเสื้อตัวเดียว เพื่อให้ได้ทั้งความทนและความสวย

ตามที่ผมเคยพบเจอ คนที่มาสั่งงานสกรีนกับร้าน ส่วนมากไม่ทราบว่าตัวเลือกหลากหลายมาก เมื่อถามคำว่า สกรีนเสื้อมีกี่แบบ คำตอบที่ได้ก็มักจะกว้าง โดยไม่รู้รายละเอียดจริง ๆ ซึ่งถ้าเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ก็จะบอกความต้องการกับร้านได้ตรงขึ้น เช่น ถ้าอยากทำเสื้อทีมฟุตบอลที่ต้องซักบ่อยและไม่อยากให้ลายลอก ก็อาจเลือกสกรีนจมด้วยหมึกที่ซึมเข้าเส้นใย แต่ถ้าต้องการเสื้อแฟชั่นที่เน้นโชว์ลาย ก็อาจเลือกสกรีนลอย หรือใช้เฟล็กซ์เงาเป็นลูกเล่น

ผมเคยเห็นบางงานที่เป็นเสื้อยืดพรีเมียม ซิลค์สกรีนหมึกน้ำจนหมึกซึมเข้าเนื้อผ้าฝ้าย จนกลายเป็นสกรีนจมเนียนมาก ซักแล้วไม่ซีดง่าย และยังคงใส่สบายเพราะผ้ายังระบายอากาศได้ดี แฟชั่นสตรีทหลายแบรนด์เลือกใช้หมึกพัฟหรือเฟล็กซ์ เพื่อให้เกิดสกรีนลอยมีมิติ มองหรือสัมผัสแล้วรู้สึกว่าพิเศษกว่าเสื้อพิมพ์ทั่วไป

สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ ทั้งสกรีนจมและสกรีนลอยไม่ใช่เทคนิคแบบตายตัว บางทีช่างสกรีนจะปรับสูตรหมึกหรือวิธีพิมพ์ ให้เกิดผลแบบครึ่งจมครึ่งลอย เช่น ใช้หมึกที่ซึมเข้าเนื้อผ้าบางส่วน แต่ยังเหลือชั้นบาง ๆ บนผิวให้เห็นนูนเล็กน้อย ทำให้มีทั้งความคงทนและความรู้สึกต่างเวลาสัมผัส

แล้วถ้าเรามองในแง่การใช้งานจริง การรู้ว่าสกรีนเสื้อมีกี่แบบ ก็จะช่วยให้เราประเมินราคาได้ถูกด้วย เนื่องจากต้นทุนแต่ละเทคนิคต่างกัน เช่น ซิลค์สกรีนถ้าผลิตจำนวนมากจะถูกลงมาก แต่ถ้าทำเพียงไม่กี่ตัว DTG หรือ DTF จะคุ้มกว่าเพราะไม่ต้องทำบล็อก บางประเภทของสกรีนลอยต้องใช้เครื่องตัดเฟล็กซ์และเครื่องรีดความร้อนคุณภาพสูง เพื่อให้ฟิล์มติดทนและไม่หลุดง่าย ขณะที่สกรีนจมบางแบบต้องใช้เครื่องอบและหมึกพิเศษราคาแพงกว่า

ในมุมมองของคนที่ชอบเสื้อสกรีนและเคยทำขายด้วย ผมเห็นว่าความเข้าใจพื้นฐานพวกนี้สำคัญจริง ๆ ถ้าเข้าใจว่าสกรีนจม คือ อะไร สกรีนลอย คือ อะไร และสกรีนเสื้อมีกี่แบบ เราก็จะสามารถสั่งงานได้ตรงกับความต้องการ และไม่ผิดหวังหลังจากได้รับของ ถ้าเจอร้านที่พร้อมอธิบายและให้คำแนะนำตรง ๆ พร้อมอธิบายข้อดีข้อเสียของแต่ละเทคนิคชัดเจน เราก็จะได้งานที่ลงตัวทั้งคุณภาพ ความสวย และงบ

จริง ๆ แล้วการเลือกเทคนิคสกรีนก็เหมือนการเลือกวัตถุดิบทำอาหาร ถ้าเลือกถูกตั้งแต่แรก งานก็จะออกมาดีและตรงความต้องการ อย่างเสื้อสกรีนที่ดีไม่ใช่แค่สวยตอนใหม่ ๆ แต่ต้องคงความสวยและความทนไปได้นาน ดังนั้นการรู้ความต่างของสกรีนจมกับสกรีนลอยจึงเป็นพื้นฐานที่คนทำเสื้อควรรู้

ข้อมูลติดต่อร้าน HOSHI KAIZEN
เบอร์โทรศัพท์: 098‑384‑5455
(ช่วงเวลาทำการ: 09:00 – 23:00 น. ทุกวัน)
LINE Official: @ho‑shi
เว็บไซต์ : www.ho-shi.com
(สามารถติดต่อเพื่อขอใบเสนอราคา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา)
อีเมล: [email protected]

dsmol19

งานสกรีนเสื้อมีแบบไหนบ้าง ? คำตอบจาก ร้านสกรีนโฮชิ

Naprapats

สกรีนเสื้อมีกี่แบบ ? คำตอบจาก โฮชิ สกรีนเสื้อคุณภาพ

Jessicas

สกรีนเสื้อมีกี่แบบ ? คำตอบจาก HOSHI Kaizen

Jenny937

สกรีนเสื้อมีกี่แบบ ? คำตอบจาก โฮชิ สกรีนเสื้อคุณภาพ

Cindy700

งานสกรีนเสื้อมีแบบไหนบ้าง ? คำตอบจาก โฮชิ สกรีนเสื้อคุณภาพ

Naprapats

งานสกรีนเสื้อมีแบบไหนบ้าง ? คำตอบจาก โฮชิ สกรีนเสื้อคุณภาพ

Cindy700

สกรีนเสื้อมีกี่แบบ ? คำตอบจาก HOSHI Kaizen

Jenny937

สกรีนเสื้อมีกี่แบบ ? คำตอบจาก ร้านสกรีนโฮชิ

Jenny937

สกรีนเสื้อมีกี่แบบ ? คำตอบจาก HOSHI Kaizen

hs8jai

ประเภทการสกรีนเสื้อมีอะไรบ้าง ? คำตอบจาก โฮชิ สกรีนเสื้อคุณภาพ